เที่ยวชิลี pantip ชิลีประวัติเป็นอย่างไร?
เที่ยวชิลี pantip ชิลีมีที่ตั้งอยู่ใน ประเทศแถบอเมริกาใต้ อยู่ขั้นระหว่างเทือกเขาอันเดส กับมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศเหนือจรดกับประเทศเปรู ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศ โบลิเวีย ทางทิศตะวันออกจรดกับประเทศอาเจนติน่า ลักษณะภูมิประเทศนั้น เป็นแบบแคบและยาว ด้วยพื้นที่ขนาด 756,950 ตารางกิโลเมตร ที่มาของชื่อประเทศ ชิลี นั้นมาจากชื่อของหัวหน้าเผ่า
อารูคาเนียนคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า ทิลี (Tili) ที่แปลว่า ต่อต้านผู้รุกราน จากการบุกของชาวอินคาในอดีต นอกจากนี้บ้างตำนานยังบอกว่า คำว่าชิลีนั้น มาจากภาษามาปูเช ที่แปลว่า จุดที่อยู่ลึกที่สุดในโลก หรือ นกนางนวล
ที่ชาวชิลีได้เลียนเสียงของมัน แต่ถึงยังไงก็ตาม ตามบันทึกของชาวสเปน ที่เข้ามาในดินแดนแห่งนี้ ชาวพื้นเมืองก็เริ่มที่จะเรียกตัวเอง ว่าเป็นชนชาติชิลีแล้วนั้นเอง ประเทศแห่งนี้ค้นพบหลักฐาน อารยธรรมโบราณของชาวชิลี เมื่อกว่า 10,000 ปีที่แล้ว จากการขุดค้นพบร่องรอย การตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าดั่งเดิม แต่แล้วต้องถูกอาณาจักรอินคา บุกรุกรานอยู่ทางตอนเหนือ
ของชิลีอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็สามารถกำจัดผู้รุกรานได้ทุกครั้ง จนกระทั่งมาถึงยุคอาณานิคม ที่ชาวสเปนยึดครองดินแดนต่างๆ ในอเมริกาใต้นั้นเอง โดยนักสำรวจชาวสเปนคนแรก ที่ขึ้นมาเหยียบแผ่นดิน ยังคนแรกนั้นก็คือ เฟอร์ดินาน แมกเจลแลน (Ferdinand Magellen)
นักเดินเรือชาวโปตุเกส ที่รับงานสำรวจจากประเทศ สเปนนั้นเองหลังจากการเข้ายึดครองของสเปนนั้น ไม่พบแร่ทองคำเหมือนดินแดนอื่นๆ แต่ชิลีนั้นมีความสมบูรณ์ ที่ชาวสเปนยอมรับในธรรมชาตินั้นเอง หลังจากที่สเปนปกครองไปได้ไม่นาน ก็เกิดความไม่พอใจขึ้นกับชาวพื้นเมือง จึงเกิดเป็นสงครามขึ้น ระหว่างเผ่ามาปูเช และสเปน จนกระทั่งชาวสเปนเอง
ต้องยอมทำข้อตกลงสงบศึก และแบ่งเขตการปกครองใหม่นั้นเอง จนกระทั่งต่อมาในปี ค.ศ. 1808 จักรพรรดิ นโปเลียน โบนาปาร์ต แห่งฝรั่งเศส ได้ตั้งแต่งพี่ชายของเขา โจเซฟ โบนาปาร์ต ขึ้นเป็นกษัตริย์สเปนเอง
จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ ให้กับอาณานิคมต่างๆ ที่ชาวสเปนยึดครองในอเมริกาใต้นั้นเอง หลายๆอาณานิคมต่างคิดจะแยกตัว และจัดตั้งเป็นเอกราช จนกระทั่งในปี ค.ศ.1810 ชิลีได้ถูกจัดตั้งเป็นสาธารณรัฐ ปกครองตัวเอง แต่ว่ายังคงเป็นส่วนหนึ่ง ของสเปนอยู่นั้นเอง
เที่ยวชิลี pantip ชิลีมีเอกราชได้อย่างไร?
หลังจากที่ได้ปกครองตัวเอง และยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง ของสเปนอยู่ จึงทำให้ความพยายามที่ จะเป็นเอกราชโดยสมบูรณ์นั้น ยังไม่มีการลดละภายใต้การขัดแย้ง ภายในชิลีนั้นเอง จนกระทั่งในปี ค.ศ.1817 ความต้องการเอกราช ได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งประเทศ จึงเกิดเป็นกองทัพประชาชน ที่ต่อต้านสเปน นำโดย โฆเซ่ เดอ ซันมาร์ติน (Jose de San Martin) และ เบอร์นาร์โด โอ ฮิกกินส์ (Bernando O’ Higgins)
ได้เป็นผู้นำกอง กำลังข้ามภูเขาอันเดส มาขับไล่ชาวอาณานิคม จนกระทั่งในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1818 เดอ ซันมาร์ติน ได้ประกาศชัยชนะและจัดตั้งชิลี เป็นเอกราชได้ในที่สุด และได้ให้ โอ ฮิกกินส์ เป็นประธานาธิบดีคนแรก
และได้วางรากฐานการปกครอง ชิลีในระบอบประชาธิปไตย จนมาถึงปัจจุบันนั้นเอง ทั้งนี้หลังจากที่ได้รับเอกราชมาแล้ว ชิลี ยังคงมีปัญหาที่ยังค้างคา จากการปกครองของสเปนในอดีต นั้นก็คือข้อพิพากเรื่องดินแดนนั้นเอง
โดยทางตอนเหนือของซิลีนั้น ติดกับเปรู ที่ถือว่าเป็นอาณานิคมของสเปนด้วยเหมือนกัน แต่ภายหลังอาณานิคมสเปน ได้ปล่อยประเทศ ต่างๆให้กับอเมริกาใต้ จนทำให้เกิดข้อพิพากกันขึ้น ในเรื่องเขตแดนและพื้นที่นั้นเอง
จึงได้เกิดสงครามที่มีชื่อว่า (War of Paciffic) เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1879 -1883 ทำให้ชิลีมีชัยชนะเหนือ เปรู และโบลิเวีย ทำให้ครอบครองดินแดน ทางตอนเหนือของโบลิเวีย และเป็นพื้นที่อุดมไปด้วยทองแดง
จึงทำให้ชิลีได้รับประโยชน์ จากการยึดดินแดนนี้นั้นเอง จนกระทั่งเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ระหว่างประธาณาธิบดี และรัฐสภา จึงนำไปสู่การสู้รบกัน ฝ่ายรัฐสภาสามารถเอาชนะไปในที่สุด และประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในปี ค.ศ. 1925 ซึ่งมีความเป็นประชาธิปไตย มากขึ้น แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เอง ยังเป็นจุดเริ่มต้นของมาร์กซิสต์ และการเข้าร่วมฝ่ายนาซี ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยนั้นเอง
ชิลีสถานที่ท่องเที่ยว มีอะไรบ้าง?
ประเทศชิลีนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยว ทางธรรมชาติที่เรียกได้ว่าครบรส และมีความดึงดูดอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ป่า เขา ทะเล ภูเขาไฟ ธารน้ำแข็ง ซึ่งแต่ละที่นั้นมีความโดดเด่น ไม่แพ้กันเลยทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น โดยธรรมชาตินั้นเอง นอกจากนี้ยังมีอารยธรรม ทางประวัติศาสตร์ของประเทศชิลี ที่มีชนเผ่าเก่าแก่ อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้อีกด้วย สถานที่อันเป็นไฮไลท์จะมีอะไรบ้าง
เราไปกันที่สถานที่แรกเลยคือ อุทยานแห่งชาติตอเรส เดล ไปย์เน (Torres del Paine) ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน ที่ครอบคลุมไปด้วยธารน้ำแข็ง อันเป็นต้นกำเนิด ทะเลสาบ และ แม่น้ำ อุทยานแห่งนี้มีความกว้างถึง 181,414 เฮกตาร์ เต็มไปด้วยความสวยงาม ทางธรรมชาติที่ได้สัมผัสอากาศ ที่แสนบริสุทธิ์และยัง ถือว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นแหล่งกำเนิดระบบนิเวศต่างๆ
โดยรอบเลยก็ว่าได้ อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมือง ปอร์โต นาตาเลส (Puerto Natales) ทางตอนเหนือ 112 กิโลเมตร เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดี สำหรับการท่องเที่ยวชมธรรมชาติ สถานที่ต่อไปคือ เกาะอีสเตอร์ (Easter Island)
หรือเกาะ ราปานุย ความสวยงามของเกาะแห่งนี้นั้น มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม และมีหลุมขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟนั้นเอง นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ยังดูเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอีกด้วย
เพราะมีการเก็บรวบรวมวัตถุทางประวัติศาสตร์ ไว้ให้เที่ยวชมวิธีชีวิตผู้คนในอดีต นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นเหมือนคน ที่ชื่อว่า โมอาย (Moai) ด้วยสัดส่วนหัวของรูปปั้นขนาดใหญ่นั้ มีอยู่กระจัดกระจาย ทั่วทั้งเกาะกว่า 600 ตัว
หินโมอายนั้นได้รับการแกะสลัก ด้วยหินขนาดใหญ่ คาดว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ บนเกาะแห่งนี้ที่ผู้สร้างนั้นเป็นชาว โปลินีเซีย มีอายุรวม 1,000 ปีที่แล้วนั้นเอง เกาะแห่งนี้นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
จึงเหมาะที่กับการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษณ์ศึกษาวัฒนธรรม ที่คุณจะได้รับความอิ่มเอิม ใจอย่างแน่นอน เราไปกันต่อที่ หุบเขาแห่งดวงจันทร์ และ ทะเลทรายอาตากามา (Valle de la Luna and Atacama Desert) ทะเลทรายแห่งนี้ ติดกับคาบสมุทรแปซิฟิก ทางฝั่งตะวันออกของ เทือกเขาแอนดีส สถานที่แห่งนี้มีพื้นผิว ที่มีลักษณะคล้ายดวงจันทร์ เพราะในช่วงฤดูหนาว
ลมทะเลจากขั้วโลกใต้ ได้พัดผ่านที่แห่งนี้ จึงได้รับเกลือในบริเวณพื้นผิวของทราย ทำให้ที่แห่งนี้มีความเค็ม เหมือนทะเลนั้นเอง นอกจากนี้เรายังเห็นดวงจันทร์ใน ช่วงเวลากลางวันอีกด้วย นับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่วิเศษเลยทีเดียว
ส่วนหุบเขาแห่งดวงจันทร์ นั้นก็ได้รับอิทธิพลแบบเดียวกัน กับทะเลทรายจึงทำให้มีสีชมพู หรือมีลักษณะพื้นผิวเหมือน ดวงจันทร์ด้วยนั้นเอง สถานที่สุดท้ายนั้นคือ ธารน้ำแข็งซานราฟาเอล (San Rafael Glacier)
เป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศชิลี ธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ทะเลสาบซานราฟาเอล ซึ่งอยู่ในส่วนของอุทยานด้วยเช่นกัน การท่องเที่ยวธารน้ำแข็งนั้น จะมีเรือพาทัวเที่ยวชม ธารน้ำแข็งแห่งนี้ที่มีขนาดใหญ่
และถือว่าเป็นต้นกำเนิดระบบ นิเวศต่างๆโดยรอบ ในช่วงฤดูหนาวนั้น แม่น้ำแห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็ง ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่เลยทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวของชิลี ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังคงมีสถานที่ทางธรรมชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ของชิลี หากใครชื่นชอนการท่องเที่ยวธรรมชาติ แล้วละก็นับว่าไม่ควรพลาด
ปัจจุบันชิลีเป็นอย่างไรบ้าง?
ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศนั้น เต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีความสวยงาม และมีการทำเกษตรกรรม ในพื้นที่ชนบทต่างๆ จึงเป็นอีกเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง ที่ชิลีนั้นได้เป็นผุ้ส่งออกสินค้าเกษตร เป็นอันดับต้นๆของอเมริกาใต้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังได้การท่องเที่ยว ที่ถือว่าเป็นที่ยอดนิยม สำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ชอบสัมผัสกับบรรยากาศ และธรรมชาตินั้นเอง จึงทำให้ระบบเศรษฐกิจของชิลี นั้นสามารถพัฒนาตนเอง ให้มีสวัสดิการ ให้กับประชาชนในประเทศ และยังพัฒนาที่ดินให้เกิด การพัฒนาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วยนั้นเอง
สรุปการท่องเที่ยวในชิลีเป็นอย่างไรบ้าง?
ถึงแม้ชิลีเองจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่มีพื้นที่ทางธรรมชาติ เหมาะแก่การท่องเที่ยวธรรมชาติ เชิงอนุรักษ์ ที่จะพาคุณได้ศึกษาวัฒนธรรม และประวัติของประเทศแห่งนี้ ที่มีมาอย่างโบราณกาล อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่ง ทางด้านการรบมาตั้งแต่โบราณ ที่สามารถต่อสู้ป้องกัน การรุกราน ของอาณาจักรอินคา ทำให้ใครหลายคนที่ชื่นชอบ ศึกษาประวัติศาสตร์โบราณ
ต่างชื่นชอบประเทศแห่งนี้ ที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันในภูมิภาคนี้ มาอย่างยาวนานนั้นเอง จึงทำให้มองว่า ชิลี เป็นประเทศชายฝั่งที่มี สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่สวยงามไม่แพ้ประเทศใดๆในอเมริกาใต้ ด้วยที่ตั้งของชิลีที่อยู่ใกล้กับ
ขั้วโลกใต้นั้นจึงมีสภาพอากาศ ที่มีความหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว และได้รับลมทะเลจากขั้วโลกใต้อีกด้วย ดับว่าเป็นดินแดนที่มี สภาพอากาศหลากหลาย ไม่ว่าจะ หนาว ร้อน ชื้น จึงทำให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั่วทั้งประเทศชิลีนั้นเอง หากใครที่ชื่นชอบ ธรรมชาติและศึกษาวัฒนธรรม ประเทศชิลี อาจเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่สร้างความประทับใจ ให้กับคุณได้อย่างแน่นอน